วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“นกกระเรียน” พันธุ์ไทยคู่แรก “คืนสู่ธรรมชาติ” ถึงพื้นที่ชุ่มน้ำบุรีรัมย์แล้ว

บุรีรัมย์ - นกกระเรียนพันธุ์ไทยสัตว์ป่าสงวนใกล้สูญพันธุ์ ที่จะนำมาทดลองเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติคู่แรกของประเทศ เดินทางถึงพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์แล้ว เผยเตรียมดึงชุมชนและเยาวชนหมู่บ้านใกล้เคียงมีส่วนร่วมอนุรักษ์
     

       วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สวนสัตว์นครราชสีมา และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำนกกระเรียนพันธุ์ไทยเพศผู้และเพศเมียอายุ 4 ปี ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิดของประเทศ ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์คู่แรก ที่จะนำมาทดลองเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เป็นจังหวัดแรกของประเทศ มาส่งมอบให้กับหน่วยพิทักษ์ป่าชั่วคราว บ.ห้วยแสงเหนือ ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากแล้ว
    
       ทั้งนี้ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วจระเข้มาก เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ 1 ใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ มีเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ที่ได้รับการคัดเลือกจากกลุ่มผู้วิจัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมาสำรวจสภาพพื้นที่ พบเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความเหมาะสม และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ที่สุด เหมาะสำหรับการดำรงชีวิตของนกกระเรียนพันธุ์ไทย
    
       นายไชยพร ทับทิมทอง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า การนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยมาทดลองเพาะเลี้ยงในครั้งนี้ เป็นโครงการ “คืนนกกระเรียนคืนสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ” เพื่อต้องการขยายพันธุ์ เพิ่มจำนวนประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยให้มากขึ้นอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา และไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ เพราะปัจจุบันนกกระเรียนพันธุ์ไทยมีอยู่จำนวนน้อย และหากไม่ร่วมกันอนุรักษ์หรือเพาะเลี้ยง อาจสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียงนกกระเรียนที่เพาะเลี้ยงไม่ถึง 200 ตัวเท่านั้น และไม่พบปรากฏในแหล่งชุ่มน้ำตามธรรมชาติ
    
       นอกจากนั้นยังจะให้เป็นศูนย์เรียนรู้ วิจัย และศึกษา แก่กลุ่มนักเรียน เยาวชน และประชาชน เกี่ยวกับวิถีชีวิตของนกกระเรียน พร้อมทั้งนำไปประชาสัมพันธ์ ดึงเยาวชนและชุมชนใกล้เคียง เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ให้แพร่หลาย และหลังจากนั้นจะมีการนำลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย อายุ 1 ปี มาเพาะเลี้ยงในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำดังกล่าวอีกจำนวน 20 ตัวในปลายปีนี้ด้วย
    
       “นกกระเรียนพันธุ์ไทย ถือเป็นสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิดของประเทศไทย หลังนำทดลองเพาะเลี้ยงแล้ว จะได้มีการสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน และเยาวชนในพื้นที่โดยรอบ เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ เพื่อป้องกันไม่ให้นกถูกล่าและทำร้ายด้วย” นายไชยพรกล่าว
    
       ด้าน นางหนู สายเมฆ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.7 บ้านสวายสอ ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก บอกว่ารู้สึกดีใจและถือเป็นความภูมิใจของชาวบุรีรัมย์ ที่ได้รับคัดเลือกให้นำนกกระเรียนพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นนกหายากใกล้สูญพันธุ์ มาทดลองเพาะเลี้ยงเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยพบเห็นนกชนิดนี้อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เคยเห็นแต่ในสารคดีเท่านั้น และคิดว่าหากไม่ร่วมกันอนุรักษ์ไว้นกสายพันธุ์ดังกล่าวก็จะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย
    
       “ดังนั้น พวกเราซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีการนำนกกระเรียนมาเพาะเลี้ยง จะคอยตักเตือนชาวบ้านและบอกลูกหลานว่าอย่าไปล่าหรือทำร้ายนกกระเรียนดังกล่าว เพื่อในอนาคตจะได้มีนกกระเรียนพันธุ์ไทยให้เด็ก เยาวชนรุ่นหลังได้ดู และศึกษาต่อไป” นางหนู กล่าว










แหล่งข้อมูล :  ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤศจิกายน 2553 15:03 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น